วันพุธที่ 27 ตุลาคม พ.ศ. 2553

วิชา พื้นฐานอิเล็กทรอนิกส์


พาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์หรืออีคอมเมิร์ซคือ การค้าขายผ่านทางเครือข่ายอินเตอร์เน็ต ปัจจุบันนี้ถ้าบริษัทห้างร้านใดไม่มีหน้าโฮมเพจในอินเตอร์เน็ตบริษัทห้างร้านนั้นก็ไม่มีตัวตน นั่นคือไม่มีใครรู้จัก เมื่อไม่มีใครรู้จักก็ไม่มีใครทำมาค้าขายด้วย แล้วถ้าไม่มีใครทำมาค้าขายด้วยก็อยู่ไม่ได้ต้องล้มหายตายจากไป
ว่ากันว่าอินเตอร์เน็ตคือแหล่งข้อมูลข่าวสาร และข้อมูลข่าวสารอย่างหนึ่งก็คือ ข้อมูลเกี่ยวกับราคาสินค้า ข้อมูลรายละเอียดเกี่ยวกับสินค้านั้นๆ และข้อมูลเกี่ยวกับผู้ขายผู้ผลิต ซึ่งในปัจจุบันผู้บริโภคมีทางเลือกในการที่จะซื้อสินค้ากันมากขึ้น เช่นการเข้าไปเลือกซื้อจากในเว็บไซต์ มีการเข้าไปเปรียบเทียบราคาสินค้าก่อนที่จะซื้อ หากจะกล่าวว่า “ข่าวสาร” คืออำนาจ ในปัจจุบันนี้ผู้บริโภคก็ได้รับการติดอาวุธอย่างใหม่ที่มีอำนาจมากพอที่จะต่อรองกับผู้ผลิต และผู้จำหน่ายสินค้าได้ผลดีที่สุดเท่าที่เคยมีมาและพฤติกรรมของผู้บริโภคทั่วโลกก็เปลี่ยนแปลงไปอย่างสิ้นเชิง
ในการทำอีคอมเมิร์ซนั้นไม่ใช่เพียงแค่เป็นเว็บเพจหรือช่องทางการจำหน่ายสินค้า แต่อีคอมเมิร์ซยังมีความหมายรวมไปถึงการนำเทคโนโลยีมาใช้ในกระบวนการทางธุรกิจ เพื่อลดค่าใช้จ่าย ลดเวลาที่ต้องสูญเสียไปโดยเปล่าประโยชน์ และยังช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินธุรกิจ รวมไปถึงการพัฒนาความสัมพันธ์ระหว่างเจ้าของกับผู้บริโภค และผู้ค้าส่ง สำนักวิจัยไอดีซี (IDC) ได้ประมาณรายได้ของการทำธุรกิจอีคอมเมิร์ซแบบธุรกิจต่อธุรกิจ (B-to-B) ว่าเพิ่มขึ้นจาก 80 พันล้านเหรียญสหรัฐหรือประมาณ 3,200 พันล้านบาทในปี พ.ศ. 2542 เป็น 1 ล้านล้านเหรียญสหรัฐหรือประมาณ 40 ล้านล้านบาทในปี พ.ศ. 2546

E-Businessธุรกรรมอิเล็กทรอนิกส์ หมายถึง กระบวนการหรือขั้นตอนใด ๆ ในการดำเนินธุรกิจ (transaction) ที่อาศัยระบบคอมพิวเตอร์สารสนเทศในการดำเนินงานเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสิทธิผลทางธุรกิจ
E-Business นั้นมีจุดมุ่งหมายหลักที่จะสร้างคุณค่าเพิ่ม (Added Value) ตลอดกระบวนการหรือกิจกรรมทางธุรกิจ (Value Chain) และลดขั้นตอนของการที่ต้องอาศัยแรงงานคน (Manual Process) มาใช้แรงงานจากเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ (Computerized Process) และช่วยให้การดำเนินงานภายใน ภายนอก และระหว่าง องค์กรด้วยกัน เช่น Supplier เป็นต้น มีประสิทธิภาพมากขึ้น และสร้างความพึงพอใจให้ลูกค้าและคู่ค้ามากขึ้นด้วย จะเห็นว่า E-Business ไม่ใช่แค่เพียงการซื้อมา-ขายไปโดยผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์เท่านั้น แต่ยังครอบคลุมถึงการปรับ

วันพฤหัสบดีที่ 21 ตุลาคม พ.ศ. 2553

แบบฝึกหัดที่ 1 เรื่องลีนุกซ์

1.ลีนุกซ์คืออะไร
ตอบ
-ลีนุกซ์ (Linux) เป็นชื่อระบบปฏิบัติการประเภทหนึ่ง (Operating System) หรือ OS คือเป็นโปรแกรมประเภท Open Source มีหน้าที่ในการช่วยให้โปรแกรมอื่น ๆ สามารถทำงานได้บนเครื่องคอมพิวเตอร์ โดยระบบปฏิบัติการจะเป็นตัวกลางระหว่างฮาร์ดแวร์กับโปรแกรมที่สร้างขึ้นเพื่อทำงานบนเครื่องคอมพิวเตอร์

2.ความเป็นมาของลีนุกซ์เป็นอย่างไร
ตอบ
-ผู้พัฒนาลีนุกซ์คนแรก นายไลนัส ทอร์วัลดระบบปฏิบัติการที่ชื่อ มินิกซ์ (Minix) เป็นระบบยูนิกซ์บนเครื่องคอมพิวเตอร์ ไลนัสเห็นว่ามินิกช์ยังใช้งานได้ไม่เพียงพอกับความต้องการ จึงพัฒนาระบบปฏิบัติการสำหรับใช้งานบนเครื่องคอมพิวเตอร์ขึ้นมาใหม่โดยใช้ยูนิกช์เป็นต้นแบบภายใต้ชื่อว่า ลีนุกซ์ โดยไลนัสเลือกใช้ นกเพนกวิน ชื่อ “Tux” เป็นสัญลักษณ์นำโชคของระบบปฏิบัติการลีนุกซ์

3.ประโยชน์ของลีนุกซ์มีอะไรบ้าง
ตอบ
ความปลอดภัยในการทำงาน มีความเสถียรภาพในการทำงาน ใช้เครื่องคอพิวเตอร์สเปคต่ำ

4.โครงสร้างของลีนุกซ์มีอะไรบ้าง
ตอบ
-ฮาร์ดแวร์ (Hardware)
-เคอร์เนล (Kernel)
-เซลล์ (Shell)
-โปรแกรมประยุกต์ (Application)

5.เคอร์เนล (Kernel) คืออะไร
ตอบ
เป็นส่วนที่สำคัญของระบบ เรียกว่า เป็นแกนหรือหัวใจของระบบก็ว่าได้ เคอร์เนลจะมีหน้าที่ควบคุมการทำงานทั้งหมดของระบบ ตั้งแต่การจัดสรรทรัพยากรของระบบบริหารโพรเซสงาน (Process) การจัดการไฟล์และอุปกรณ์อินพุต เอาต์พุต บริหารหน่วยความจำ โดยเคอร์เนลจะควบคุมอุปกรณ์ฮาร์ดแวร์ของเครื่องทั้งหมด ดังนั้นเคอร์เนลจึงขึ้นอยู่กับฮาร์ดแวร์ ถ้าฮาร์ดแวร์เปลี่ยนไปเคอร์เนลก็จะเปลี่ยนไปด้วย

6.เซลล์ (Shell) คืออะไร
ตอบ
เป็นส่วนที่ทำหน้าที่ติดต่อระหว่างผู้ใช้กับเคอร์เนล โดยรับคำสั่งจากผู้ใช้ทางอุปกรณ์อินพุต อย่างเช่น คีย์บอร์ด แล้วทำการแปลให้เป็นภาษาที่เครื่องเข้าใจ นอกจากนี้เซลล์ยังทำหน้าที่ในการควบคุมและกำหนดทิศทางของอินพุตและเอาต์พุตได้ด้วยว่าจะให้เข้าหรือออกมาทางใด

7.ระบบวินโดวส์ (Window) บนลีนุกซ์มีอะไรบ้าง (ค้นหาเพิ่มเติมให้มากที่สุด)
ตอบ
ลีนุกซ์ทะเล ลีนุกซ์อูบุนตู ลีนุกซ์ Redhat

8.ระบบ X Window คืออะไร ทำหน้าที่อย่างไร
ตอบ
ทำหน้าที่ในการติดต่อระหว่างผู้ใช้กับเคอร์เนล (ทำหน้าที่เหมือนกับเชลล์) แต่จะอยู่ในรูปแบบของวินโดวส์ ประกอบด้วยหน้าต่างการทำงานของโปรแกรม ปุ่ม ไอคอน และเมนู สั่งงานด้วยเมาส์คลิก ทำให้การทำงานสะดวกและง่ายขึ้น

9. ขั้นตอนการเตรียมความพร้อมของลีนุกซ์ต้องเตรียมอะไรบ้าง
ตอบ
1.ตรวจสอบข้อมูลฮาร์ดแวร์ของระบบ
2.เตรียมพื้นที่สำหรับลีนุกซ์

10. ลีนุกซ์แบบ Text Mode เป็นอย่างไร มีรุ่นใดบ้าง
ตอบ
การใช้คอมพิวเตอร์ของเราที่กำลังใช้งานอยู่ ซึ่งต่อไปนี้จะเรียกว่า Host ทำการเชื่อมต่อไปยังคอมพิวเตอร์เป้าหมายในอินเตอร์เน็ต ซึ่งต่อไปนี้จะเรียกว่าเครื่อง Remote และเมื่อทำการเชื่อมต่อกันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เราก็จะสามารถทำงานที่เครื่อง Host โดยการทำงานนั้นเสมือนหนึ่งนั่งทำงานอยู่ที่หน้าเครื่อง Remote ทุกประการ โปรแกรมที่ใช้งานได้แก่ telnet และ ssh(Secure shell) ปัจจุบันตัว telnet daemon มีปัญหาเรื่องความปลอดภัย ดังนั้นผู้ใช้ส่วนใหญ่จึงหันมาใช้ secure shell แทน

ใบงานที่ 1

 



CSMA / CD
เป็นโปรโตคอลในระบบเครือข่าย Ethernet เป็นระบบแลนชนิดหนึ่งที่นิยมใช้กันมากที่สุดในปัจจุบัน ใช้เมื่อการ์ดเน็ตเวิร์กต้องการจะส่งข้อมูลออกไปตามสายเพื่อป้องกันการชนกันของข้อมูล





PPP (Point to Point Protocol)
PPP เป็นโปรโตคอลแบบจุดต่อจุดชนิดหนึ่ง มักใช้กับเครือข่าย WAN ซึ่ง PPP ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อชดเชยข้อบกพร่องหลายอย่างของโปรโตคอล SLIP เช่น SLIP ไม่สามารถรับรองความผิดพลาดในการส่งข้อมูล และไม่สามารถกำหนดไอพีแอดเดรสโดยอัตโนมัติได้

IP (Internet Protocol)
IP เป็นโปรโตคอลในระดับชั้นเน็ตเวิร์ก ซึ่งทำหน้าที่กำหนดหมายเลขไอพีแอดเดรสประจำเครื่องคอมพิวเตอร์ เป็นตัวที่บ่งบอกให้เร้าเตอร์ทราบว่าควรจะส่งแพ็กเก็ตนี้ไปเส้นทางใด โปรโตคอล IP จะมีลักษณะเป็น Unreliable และ connectionless ซึ่ง unreliable หมายถึงโปรโตคอล IP ไม่มีกลไกที่จะรับประกันว่าข้อมูลส่งถึงปลายทางได้สำเร็จ

UDP
เป็นโปรโตคอลชั้นที่อยู่สูงกว่าโปรโตคอล IP โปรโตคอล UDP เป็นโปรโตคอลที่เชื่อถือไม่ได้ เพราะถ้าข้อมูลหายระหว่างทางข้อมูลจะไม่ถูกนำส่งใหม่ UDP มักจะถูกนำมาใช้กับงานทางด้าน Multimedia เช่นส่งภาพและเสียง

TCP
เป็นโปรโตคอลชั้นที่อยู่สูงกว่า IP และอยู่ในระดับเดียวกันกับ UDP โปรโตคอล TCP จะมีความน่าเชื่อถือเพราะจะมีการรับประกันว่าข้อมูลที่ส่งจะไม่สูญหาย (เนื่องจากมันถูกออกแบบมาอย่างนั้น) เมื่อข้อมูลมาไม่ครบจะมีการส่งใหม่ TCP เป็นโปรโตคอลที่นำมาใช้กับงานที่ต้องการความถูกต้องเชื่อถือได้

รีพีตเตอร์ (Repeater)
เมื่อคอมพิวเตอร์ส่งสัญญาณข้อมูลในรูปของสัญญาณไฟฟ้าไปตามสายที่มีความยาวมาก จะทำให้ความแรงของสัญญาณไฟฟ้าที่ปลายสายค่อย ๆ ลดน้อยลงไปตามระยะทางที่ยาวขึ้น เมื่อต้องการติดตั้งระบบแลนที่กินพื้นที่ค่อนข้างกว้าง จำเป็นที่จะต้องมีอุปกรณ์ที่ช่วยเพิ่มความแรงของสัญญาณดังกล่าว

สายไฟเบอร์ออปติก (Fiber-Optic)
เป็นสายนำสัญญาณที่ใช้รับส่งข้อมูลในรูปของแสง โครงสร้างภายในจะเป็นท่อเล็ก ๆ ที่ทำมาจากแก้ว ซึ่งทำหน้าที่สะท้อนแสง แสงที่เดินทางจากต้นทางไปยังปลายทางจะไม่สะท้อนออกมาข้างนอก แต่จะสะท้อนไปมาภายในตลอดแนวความยาว ซึ่งใช้หลักการของดัชนีการหักเหของแสง สายไฟเบอร์ออปติกจะสามารถส่งสัญญาณได้เร็วกว่า 100 เมกะบิตต่อวินาที และจะไม่ถูกรบกวนจากสนามแม่เหล็กและสนามไฟฟ้าจากภายนอกแต่ข้อเสียของมันก็คือมีราคาแพง

ฮับ (Hub)
เป็นอุปกรณ์เครือข่ายที่พบเห็นได้บ่อย เนื่องจากฮับใช้เชื่อมต่อเครือข่ายอีเทอร์เน็ต ซึ่งเป็นการเชื่อมต่อแบบดาว (Star Topology) โดยใช้สาย UTP ต่อเชื่อมระหว่างการ์ดเน็ตเวิร์กบนเครื่องคอมพิวเตอร์เข้ากับฮับ โดยเชื่อมต่อทางช่องเสียบ RJ-45 ซึ่งการต่อระบบแลนลักษณะนี้เป็นที่นิยมมากที่สุดปัจจุบัน ฮับจะมีช่องเสียบ RJ-45 ตัวเมียอยู่หลายช่อง เพื่อใช้เชื่อมต่อกับคอมพิวเตอร์

บริดจ์ (Bridge)
สร้างขึ้นมาเพื่อลดปัญหาการชนกันของข้อมูลที่เกิดจากการใช้ฮับ โดยบริดจ์จะสามารถแบ่งคอลลิชันโดเมนให้มีจำนวนมากขึ้น ซึ่งมีผลทำให้ในแต่ละคอลลิชันโดเมนเหลือจำนวนเครื่องคอมพิวเตอร์น้อยลง จึงทำให้โอกาสที่จะเกิดการชนกันของข้อมูลได้น้อยลงตามไปด้วย

สวิตช์เลเยอร์สาม (Layer 3 Switch)
สวิตช์เลเยอร์สามเป็นสวิตช์ที่สามารถทำงานเป็นเร้าเตอร์ได้ในตัว ซึ่งส่วนมากแล้วมักจะใช้เลือกเส้นทางระหว่างเน็ตเวิร์กภายในแลน สวิตช์เลเยอร์สามมีความเร็วในการเร้าต์แพ็กเก็ต (Packet) ข้อมูลได้สูงกว่าเร้าเตอร์เนื่องจากมันทำงานในระดับฮาร์ดแวร์ โดยทั่ว ๆ ไป มักจะนำสิวตช์เลเยอร์สามมาใช้กับการทำเวอร์ชวลแลน (VLAN) เพื่อเพิ่มระดับความปลอดภัยและลดจำนวนแพ็กเก็ตที่เกิดจากการบรอดคาสต์

วันพุธที่ 20 ตุลาคม พ.ศ. 2553

สัปดาห์ที่ 1 วันที่ 20 ตุลาคม 2553 แบบทดสอบก่อนเรียน

1.  ข้อใดคือความหมายของระบบเครือข่าย

      . ระบบที่มีการเชื่อมโยงคอมพิวเตอร์ 2 ตัว ขึ้นไปเพื่อสามารถรับส่งข้อมูลกันได้
2.  องค์ประกอบพื้นฐานของระบบเครือข่ายประกอบด้วย 3 ส่วน คืออะไรบ้าง   
    ง.  ฮาร์ดแวร์  ซอฟต์แวร์   พีเพิลแวร์
3. ข้อใดไม่ใช่ซอฟต์แวร์สำหรับระบบเครือข่าย

     .  Microsoft Windows XP
4. สาย UTP (Unshielded Twisted-Pair) คืออะไร
     . สายขนาดเล็ก มี  8  เส้น
5.  ใช้สาย UTP (Unshielded Twisted-Pair)  

       ข. สาย Cat 5
6.  Token-Ring
       ข.   เป็นระบบ LAN ต่อในแบบ Ring         
7.  ข้อใดคือความหมายของ Baseband 
    .   ส่งเป็นสัญญาณแบบดิจิตอล 0 และ 1 
8.  Broadband คืออะไร    

       ง.   การผสมสัญญาณที่จะส่งเข้ากับสัญญาณอนาล็อก
9.  ข้อใดมีความเร็วที่สุด
       ง.   Fiber Optic
10.  FiberOptic  ส่งสัญญาณลักษณะใด 
         ข.  สายที่ใช้กับการส่งสัญญาณด้วยแสง
11.  ข้อใดคือข้อดีของระบบเครือข่ายไร้สาย  

       ค.  สามารถติดตั้งได้ง่ายกว่า
12.   Wireless Adapter  หมายถึงอะไร

      ข. ใช้เชื่อมต่อกับเครือข่ายไร้สาย
13. ข้อใดคือเครือข่ายไร้สายแบบ  Client/Server 
         . รับส่งข้อมูลแบบโครงข่ายโดยตรง

14.  รีพีตเตอร์  ทำหน้าที่อย่างไร
        .ทวนสัญญาณ 
15. อุปกรณ์ Switch  ทำหน้าที่อย่างไร
        ก.  เป็นสะพาน